= การติดตายางเขียว: เทคนิคสำคัญในการผลิตต้นยางพันธุ์ดี เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน | ส.กฤษณาพันธุ์

การติดตายางเขียว: เทคนิคสำคัญในการผลิตต้นยางพันธุ์ดี เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน

April 20, 2025
การติดตายางเขียว: เทคนิคสำคัญในการผลิตต้นยางพันธุ์ดี เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน

การผลิตยางคุณภาพดีเริ่มต้นจากการเลือกใช้พันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง ต้านทานโรค และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม การติดตาเขียว (Green Bud Grafting) เป็นเทคนิคขยายพันธุ์ไม่อาศัยเพศที่นิยมใช้ในการผลิตต้นยางพันธุ์ดีในเชิงพาณิชย์ ช่วยให้ได้ต้นยางที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนต้นแม่พันธุ์ดีทุกประการ บทความนี้จะสรุปข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการติดตาเขียวยางพารา เพื่อเป็นแนวทางสำหรับเกษตรกร


ยางตาเขียวคืออะไร?

การติดตาเขียวคือการนำ "แผ่นตา" จาก "กิ่งตาเขียว" (กิ่งอ่อน สีเขียวหรือเขียวปนน้ำตาล อายุประมาณ 42-49 วันหลังแตกยอด) มาติดบน "ต้นตอ" (ต้นกล้าเพาะจากเมล็ด อายุ 4.5-8 เดือน) หลักการคือการเชื่อมเนื้อเยื่อเจริญของแผ่นตาพันธุ์ดีกับต้นตอ เพื่อให้ตาพันธุ์ดีเจริญเติบโตบนระบบรากของต้นตอ


วัตถุประสงค์หลักของการติดตาเขียว

  • ขยายพันธุ์ยางพันธุ์ดี: เพื่อให้ได้ต้นยางที่มีลักษณะตรงตามพันธุ์ที่ต้องการ (ผลผลิตสูง ต้านทานโรค)
  • เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต: ต้นยางที่ได้จากการติดตาเขียวมักโตเร็วและสม่ำเสมอ สามารถเปิดกรีดได้เร็วขึ้น
  • ลดต้นทุน: เกษตรกรที่มีความรู้และทักษะสามารถผลิตต้นกล้าได้เอง


คำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง

  • ต้นตอ (Rootstock): ต้นกล้าเพาะจากเมล็ด (นิยมใช้ RRIM 600) ทำหน้าที่เป็นระบบราก
  • กิ่งตาเขียว (Green Budwood): กิ่งพันธุ์ดี สีเขียวหรือเขียวปนน้ำตาล เปลือกลอกง่าย
  • แผ่นตา (Bud Patch): ชิ้นส่วนเปลือกพร้อมตาจากกิ่งตาเขียว
  • ต้นตอตาเขียว/กล้าตาเขียว: ต้นตอที่ติดตาแล้ว แต่ตายังไม่แตกยอด
  • การติดตายางอ่อน (Young Budding): การติดตาโดยใช้ต้นตอที่อายุน้อยมาก (ไม่แนะนำ เนื่องจากอัตราความสำเร็จต่ำ)


ขั้นตอนการติดตาเขียว

วัสดุและอุปกรณ์:

  • มีดติดตาคมและสะอาด
  • หินลับมีด
  • กรรไกรตัดกิ่ง
  • พลาสติกใสสำหรับพันแผล
  • เศษผ้าสะอาด
  • ถุงพลาสติก (สำหรับเก็บกิ่งตา)
  • ป้ายบันทึกข้อมูล

การเลือกและเตรียมต้นตอ (Rootstock):

  • อายุ: 4.5-8 เดือนหลังเพาะเมล็ด
  • ขนาด: เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 1.0-1.2 ซม.
  • ลักษณะ: สมบูรณ์ แข็งแรง เปลือกลอกง่าย

การเลือกและเตรียมกิ่งตาเขียว (Green Budwood) และแผ่นตา (Bud Patch):

  • แหล่งที่มา: แปลงผลิตกิ่งตาพันธุ์ดีที่ได้รับการรับรอง
  • อายุและลักษณะกิ่ง: 42-49 วันหลังแตกยอด สีเขียวหรือเขียวปนน้ำตาล เปลือกลอกง่าย
  • ลักษณะตา: สมบูรณ์ เต่ง ไม่ช้ำ
  • การเฉือนแผ่นตา: ใช้มีดคมเฉือนแผ่นตาจากกิ่งตาเขียว (ยาว 7-8 ซม.) ให้ติดเนื้อไม้บางๆ
  • การลอกเนื้อไม้ออก: ลอกเนื้อไม้ออกจากแผ่นตาอย่างระมัดระวัง

ขั้นตอนการติดตา (เน้น T-Budding หรือ Plate Budding ที่ดัดแปลง):

  • การเปิดแผลบนต้นตอ: กรีดเปลือกต้นตอเป็นรูปตัว T หรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า
  • การสอดแผ่นตา: สอดแผ่นตาเข้าไปในรอยแผล
  • การพันพลาสติก: พันรอบรอยติดตาให้แน่น

การดูแลหลังติดตาและการประเมินผล:

  • บันทึกข้อมูล
  • ตรวจสอบผล (หลังติดตา 21-30 วัน)
  • กรีดพลาสติก (เมื่อตาติดแน่นอน)
  • ตัดยอดต้นตอ (เมื่อตาใหม่โตแข็งแรง)
  • ดูแลต้นกล้าอย่างต่อเนื่อง


ข้อดี ข้อเสีย และข้อควรระวัง

ข้อดี:

  • ได้ต้นยางพันธุ์ดี
  • การเจริญเติบโตดี (เมื่อชำถุงต่อ)
  • ประสิทธิภาพการผลิตสูง (หากชำนาญ)
  • สะดวกในการจัดการ (ต้นตอตาเขียวก่อนแตกยอด)

ข้อเสีย:

  • ต้องอาศัยทักษะ
  • มีต้นทุน (วัสดุ, ค่าแรงงาน)
  • อ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อม
  • ความเสี่ยงของกล้าตาเขียว (หากปลูกโดยตรง)
  • อัตราสำเร็จของการติดตายางอ่อนต่ำ

ข้อควรระวัง:

  • ความสะอาด
  • ความคมของมีด
  • คุณภาพวัสดุ
  • ความรวดเร็วและป้องกันการแห้ง
  • สภาพอากาศเหมาะสม
  • การจัดการพันธุ์
  • ปริมาณกิ่งตาที่เหมาะสม
  • การพันพลาสติกที่ถูกต้อง

5. เปรียบเทียบวิธีการปลูกยางพารา

หัวข้อเปรียบเทียบกล้า/ต้นตอตาเขียวยางชำถุงเมล็ดติดตาในแปลง
ต้นทุนเริ่มต้นปานกลางสูงต่ำ
อัตราการรอดตาย (%)ปานกลางสูงต่ำ
ความสม่ำเสมอของต้นค่อนข้างดีดีมากไม่สม่ำเสมอ
ระยะเวลาถึงเปิดกรีดเร็วที่สุดช้าที่สุดปานกลาง
ระบบรากรากแก้วดีอาจมีปัญหารากขดรากแก้วแข็งแรง
ความเสี่ยงหลักความแห้งแล้งต้นทุนสูงอัตราติดตาต่ำ
ข้อดีปลูกง่ายรอดตายสูงต้นทุนต่ำ
ข้อเสียรอดตายน้อยกว่ายางชำถุงแพงโตช้า
ความเหมาะสมฝนค่อนข้างชุกเสี่ยงแล้งฝนชุกมาก

ปัจจัยในการเลือกวิธีการปลูก:

  • เงินทุน: ยางชำถุงมีต้นทุนสูงกว่า
  • การยอมรับความเสี่ยง: ยางชำถุงมีความเสี่ยงน้อยกว่า (รอดตายสูง)
  • สภาพพื้นที่และภูมิอากาศ: ยางชำถุงเหมาะสมกับพื้นที่แห้งแล้ง
  • แรงงานและทักษะ: การติดตาในแปลงต้องใช้แรงงานที่มีทักษะ
  • เป้าหมายระยะเวลาคืนทุน: ยางชำถุงให้ผลตอบแทนเร็วกว่า


การเจริญเติบโตและอัตราความสำเร็จที่คาดหวัง

  • อัตราความสำเร็จในการติดตา: ขึ้นอยู่กับความชำนาญของผู้ติดตา (อาจสูงกว่า 90%) คุณภาพของต้นตอและกิ่งตา และสภาพแวดล้อม
  • อัตราการรอดตายในแปลงปลูก: ยางชำถุงมีอัตราการรอดตายสูงกว่ากล้าตาเขียว
  • การเจริญเติบโต:
    • เป้าหมายการเปิดกรีด: 6-7 ปีหลังปลูก (เมื่อเส้นรอบวงลำต้น ≥ 50 ซม.)
    • อัตราการเติบโตเฉลี่ย: เส้นรอบวงลำต้นเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8-10 ซม./ปี
    • การเจริญเติบโตของต้นยางขึ้นอยู่กับพันธุ์ ดิน น้ำ ปุ๋ย และการจัดการสวน


สถานการณ์ปัจจุบันและแหล่งข้อมูลในประเทศไทย

  • หน่วยงานรัฐ:
    • กรมวิชาการเกษตร (DOA): วิจัยและพัฒนาพันธุ์ยาง, ควบคุมมาตรฐานต้นกล้า
    • การยางแห่งประเทศไทย (RAOT): ดูแลกิจการยางพาราทั้งระบบ, ส่งเสริม GAP
  • พันธุ์ยางแนะนำ: กรมวิชาการเกษตรและการยางแห่งประเทศไทยให้คำแนะนำพันธุ์ยางที่เหมาะสมกับพื้นที่
  • การผลิตและจำหน่ายกิ่งตา/ต้นกล้า: ผลิตจากหน่วยงานรัฐและแปลงขยายพันธุ์เอกชนที่ได้รับการรับรอง
  • ข้อควรตระหนักสำหรับเกษตรกร: เลือกซื้อต้นกล้าจากแหล่งที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน เพื่อความสำเร็จในระยะยาว


บทสรุปและข้อเสนอแนะสำหรับเกษตรกร

การติดตาเขียวเป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการผลิตต้นยางพันธุ์ดี เกษตรกรควรเลือกใช้วิธีการปลูกที่เหมาะสม ปฏิบัติตามขั้นตอนการติดตาอย่างถูกต้อง และจัดการสวนที่ดี

ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติ:

  • การเลือกวิธีปลูก: ประเมินงบประมาณ ความเสี่ยง สภาพพื้นที่ และเป้าหมาย
  • การฝึกฝนทักษะ: หากต้องการติดตาเอง ควรฝึกฝนให้ชำนาญ
  • การเลือกพันธุ์: เลือกพันธุ์ยางที่ กรมวิชาการเกษตร หรือ การยางแห่งประเทศไทย แนะนำ
  • การจัดหาวัสดุปลูก: ซื้อจากแปลงขยายพันธุ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
  • การปฏิบัติ: ทำตามขั้นตอนการติดตาอย่างเคร่งครัด
  • การจัดการสวน: ดูแลสวนยางอย่างสม่ำเสมอ

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม: กรมวิชาการเกษตร, การยางแห่งประเทศไทย

แชร์บทความนี้:
Son ส.กฤษณาพันธุ์
Son ส.กฤษณาพันธุ์
ทีมงาน ส.กฤษณาพันธุ์

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

ยาง
พันธุ์ยาง ยอดนิยม

ต้นพันธุ์ยางพาราคุณภาพสูง พันธุ์ยอดนิยมทั้ง 3904, 600 และ 251 ได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตร จัดส่งทั่วไทย พร้อมเปิดรับจอง รองรับหน้าฝน ฤดูปลูกยาง 2568

ดูเพิ่มเติม