การติดตายางเขียว: เทคนิคสำคัญในการผลิตต้นยางพันธุ์ดี เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน

การผลิตยางคุณภาพดีเริ่มต้นจากการเลือกใช้พันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง ต้านทานโรค และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม การติดตาเขียว (Green Bud Grafting) เป็นเทคนิคขยายพันธุ์ไม่อาศัยเพศที่นิยมใช้ในการผลิตต้นยางพันธุ์ดีในเชิงพาณิชย์ ช่วยให้ได้ต้นยางที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนต้นแม่พันธุ์ดีทุกประการ บทความนี้จะสรุปข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการติดตาเขียวยางพารา เพื่อเป็นแนวทางสำหรับเกษตรกร
ยางตาเขียวคืออะไร?
การติดตาเขียวคือการนำ "แผ่นตา" จาก "กิ่งตาเขียว" (กิ่งอ่อน สีเขียวหรือเขียวปนน้ำตาล อายุประมาณ 42-49 วันหลังแตกยอด) มาติดบน "ต้นตอ" (ต้นกล้าเพาะจากเมล็ด อายุ 4.5-8 เดือน) หลักการคือการเชื่อมเนื้อเยื่อเจริญของแผ่นตาพันธุ์ดีกับต้นตอ เพื่อให้ตาพันธุ์ดีเจริญเติบโตบนระบบรากของต้นตอ
วัตถุประสงค์หลักของการติดตาเขียว
- ขยายพันธุ์ยางพันธุ์ดี: เพื่อให้ได้ต้นยางที่มีลักษณะตรงตามพันธุ์ที่ต้องการ (ผลผลิตสูง ต้านทานโรค)
- เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต: ต้นยางที่ได้จากการติดตาเขียวมักโตเร็วและสม่ำเสมอ สามารถเปิดกรีดได้เร็วขึ้น
- ลดต้นทุน: เกษตรกรที่มีความรู้และทักษะสามารถผลิตต้นกล้าได้เอง
คำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง
- ต้นตอ (Rootstock): ต้นกล้าเพาะจากเมล็ด (นิยมใช้ RRIM 600) ทำหน้าที่เป็นระบบราก
- กิ่งตาเขียว (Green Budwood): กิ่งพันธุ์ดี สีเขียวหรือเขียวปนน้ำตาล เปลือกลอกง่าย
- แผ่นตา (Bud Patch): ชิ้นส่วนเปลือกพร้อมตาจากกิ่งตาเขียว
- ต้นตอตาเขียว/กล้าตาเขียว: ต้นตอที่ติดตาแล้ว แต่ตายังไม่แตกยอด
- การติดตายางอ่อน (Young Budding): การติดตาโดยใช้ต้นตอที่อายุน้อยมาก (ไม่แนะนำ เนื่องจากอัตราความสำเร็จต่ำ)
ขั้นตอนการติดตาเขียว
วัสดุและอุปกรณ์:
- มีดติดตาคมและสะอาด
- หินลับมีด
- กรรไกรตัดกิ่ง
- พลาสติกใสสำหรับพันแผล
- เศษผ้าสะอาด
- ถุงพลาสติก (สำหรับเก็บกิ่งตา)
- ป้ายบันทึกข้อมูล
การเลือกและเตรียมต้นตอ (Rootstock):
- อายุ: 4.5-8 เดือนหลังเพาะเมล็ด
- ขนาด: เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 1.0-1.2 ซม.
- ลักษณะ: สมบูรณ์ แข็งแรง เปลือกลอกง่าย
การเลือกและเตรียมกิ่งตาเขียว (Green Budwood) และแผ่นตา (Bud Patch):
- แหล่งที่มา: แปลงผลิตกิ่งตาพันธุ์ดีที่ได้รับการรับรอง
- อายุและลักษณะกิ่ง: 42-49 วันหลังแตกยอด สีเขียวหรือเขียวปนน้ำตาล เปลือกลอกง่าย
- ลักษณะตา: สมบูรณ์ เต่ง ไม่ช้ำ
- การเฉือนแผ่นตา: ใช้มีดคมเฉือนแผ่นตาจากกิ่งตาเขียว (ยาว 7-8 ซม.) ให้ติดเนื้อไม้บางๆ
- การลอกเนื้อไม้ออก: ลอกเนื้อไม้ออกจากแผ่นตาอย่างระมัดระวัง
ขั้นตอนการติดตา (เน้น T-Budding หรือ Plate Budding ที่ดัดแปลง):
- การเปิดแผลบนต้นตอ: กรีดเปลือกต้นตอเป็นรูปตัว T หรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า
- การสอดแผ่นตา: สอดแผ่นตาเข้าไปในรอยแผล
- การพันพลาสติก: พันรอบรอยติดตาให้แน่น
การดูแลหลังติดตาและการประเมินผล:
- บันทึกข้อมูล
- ตรวจสอบผล (หลังติดตา 21-30 วัน)
- กรีดพลาสติก (เมื่อตาติดแน่นอน)
- ตัดยอดต้นตอ (เมื่อตาใหม่โตแข็งแรง)
- ดูแลต้นกล้าอย่างต่อเนื่อง
ข้อดี ข้อเสีย และข้อควรระวัง
ข้อดี:
- ได้ต้นยางพันธุ์ดี
- การเจริญเติบโตดี (เมื่อชำถุงต่อ)
- ประสิทธิภาพการผลิตสูง (หากชำนาญ)
- สะดวกในการจัดการ (ต้นตอตาเขียวก่อนแตกยอด)
ข้อเสีย:
- ต้องอาศัยทักษะ
- มีต้นทุน (วัสดุ, ค่าแรงงาน)
- อ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อม
- ความเสี่ยงของกล้าตาเขียว (หากปลูกโดยตรง)
- อัตราสำเร็จของการติดตายางอ่อนต่ำ
ข้อควรระวัง:
- ความสะอาด
- ความคมของมีด
- คุณภาพวัสดุ
- ความรวดเร็วและป้องกันการแห้ง
- สภาพอากาศเหมาะสม
- การจัดการพันธุ์
- ปริมาณกิ่งตาที่เหมาะสม
- การพันพลาสติกที่ถูกต้อง
5. เปรียบเทียบวิธีการปลูกยางพารา
หัวข้อเปรียบเทียบ | กล้า/ต้นตอตาเขียว | ยางชำถุง | เมล็ดติดตาในแปลง |
ต้นทุนเริ่มต้น | ปานกลาง | สูง | ต่ำ |
อัตราการรอดตาย (%) | ปานกลาง | สูง | ต่ำ |
ความสม่ำเสมอของต้น | ค่อนข้างดี | ดีมาก | ไม่สม่ำเสมอ |
ระยะเวลาถึงเปิดกรีด | เร็วที่สุด | ช้าที่สุด | ปานกลาง |
ระบบราก | รากแก้วดี | อาจมีปัญหารากขด | รากแก้วแข็งแรง |
ความเสี่ยงหลัก | ความแห้งแล้ง | ต้นทุนสูง | อัตราติดตาต่ำ |
ข้อดี | ปลูกง่าย | รอดตายสูง | ต้นทุนต่ำ |
ข้อเสีย | รอดตายน้อยกว่ายางชำถุง | แพง | โตช้า |
ความเหมาะสม | ฝนค่อนข้างชุก | เสี่ยงแล้ง | ฝนชุกมาก |
ปัจจัยในการเลือกวิธีการปลูก:
- เงินทุน: ยางชำถุงมีต้นทุนสูงกว่า
- การยอมรับความเสี่ยง: ยางชำถุงมีความเสี่ยงน้อยกว่า (รอดตายสูง)
- สภาพพื้นที่และภูมิอากาศ: ยางชำถุงเหมาะสมกับพื้นที่แห้งแล้ง
- แรงงานและทักษะ: การติดตาในแปลงต้องใช้แรงงานที่มีทักษะ
- เป้าหมายระยะเวลาคืนทุน: ยางชำถุงให้ผลตอบแทนเร็วกว่า
การเจริญเติบโตและอัตราความสำเร็จที่คาดหวัง
- อัตราความสำเร็จในการติดตา: ขึ้นอยู่กับความชำนาญของผู้ติดตา (อาจสูงกว่า 90%) คุณภาพของต้นตอและกิ่งตา และสภาพแวดล้อม
- อัตราการรอดตายในแปลงปลูก: ยางชำถุงมีอัตราการรอดตายสูงกว่ากล้าตาเขียว
- การเจริญเติบโต:
- เป้าหมายการเปิดกรีด: 6-7 ปีหลังปลูก (เมื่อเส้นรอบวงลำต้น ≥ 50 ซม.)
- อัตราการเติบโตเฉลี่ย: เส้นรอบวงลำต้นเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8-10 ซม./ปี
- การเจริญเติบโตของต้นยางขึ้นอยู่กับพันธุ์ ดิน น้ำ ปุ๋ย และการจัดการสวน
สถานการณ์ปัจจุบันและแหล่งข้อมูลในประเทศไทย
- หน่วยงานรัฐ:
- กรมวิชาการเกษตร (DOA): วิจัยและพัฒนาพันธุ์ยาง, ควบคุมมาตรฐานต้นกล้า
- การยางแห่งประเทศไทย (RAOT): ดูแลกิจการยางพาราทั้งระบบ, ส่งเสริม GAP
- พันธุ์ยางแนะนำ: กรมวิชาการเกษตรและการยางแห่งประเทศไทยให้คำแนะนำพันธุ์ยางที่เหมาะสมกับพื้นที่
- การผลิตและจำหน่ายกิ่งตา/ต้นกล้า: ผลิตจากหน่วยงานรัฐและแปลงขยายพันธุ์เอกชนที่ได้รับการรับรอง
- ข้อควรตระหนักสำหรับเกษตรกร: เลือกซื้อต้นกล้าจากแหล่งที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน เพื่อความสำเร็จในระยะยาว
บทสรุปและข้อเสนอแนะสำหรับเกษตรกร
การติดตาเขียวเป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการผลิตต้นยางพันธุ์ดี เกษตรกรควรเลือกใช้วิธีการปลูกที่เหมาะสม ปฏิบัติตามขั้นตอนการติดตาอย่างถูกต้อง และจัดการสวนที่ดี
ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติ:
- การเลือกวิธีปลูก: ประเมินงบประมาณ ความเสี่ยง สภาพพื้นที่ และเป้าหมาย
- การฝึกฝนทักษะ: หากต้องการติดตาเอง ควรฝึกฝนให้ชำนาญ
- การเลือกพันธุ์: เลือกพันธุ์ยางที่ กรมวิชาการเกษตร หรือ การยางแห่งประเทศไทย แนะนำ
- การจัดหาวัสดุปลูก: ซื้อจากแปลงขยายพันธุ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
- การปฏิบัติ: ทำตามขั้นตอนการติดตาอย่างเคร่งครัด
- การจัดการสวน: ดูแลสวนยางอย่างสม่ำเสมอ
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม: กรมวิชาการเกษตร, การยางแห่งประเทศไทย

Son ส.กฤษณาพันธุ์
ทีมงาน ส.กฤษณาพันธุ์สินค้าที่เกี่ยวข้อง

พันธุ์ยาง ยอดนิยม
ต้นพันธุ์ยางพาราคุณภาพสูง พันธุ์ยอดนิยมทั้ง 3904, 600 และ 251 ได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตร จัดส่งทั่วไทย พร้อมเปิดรับจอง รองรับหน้าฝน ฤดูปลูกยาง 2568
ดูเพิ่มเติม